ข้อกำหนดในการเข้าร่วมการรับรอง Accreditation Participation Requirements (APR)
ข้อกำหนด: APR.1
องค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดในการส่งข้อมูลและสารสนเทศให้ JCI (Joint Commission International) ได้ทันเวลา
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.1
มีหลายประเด็นในกระบวนการรับรองที่ต้องการข้อมูลและสารสนเทศ | ตัวอย่างเช่น การสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-App) การส่งแผนปรับปรุงกลยุทธ์ (Strategic Improvement Plan (SIP)) การส่งข้อมูลสำหรับการวัดผลจากตัววัดใน Joint Commission International Library of Measure การเปลี่ยนแปลงผู้นำในการบริหารขององค์กร เช่น การเปลี่ยนเจ้าของ สำนักงานตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยขอข้อมูล โปรแกรมการรับรอง JCI ขอให้ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยกำกับดูแลหรือผู้มีอำนาจอื่น หรือแจ้งเตือนความตั้งใจอุทธรณ์คำตัดสินการรับรองได้อย่างทันเวลา | นโยบายและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในการรับรองแจ้งให้องค์กรทราบถึงข้อมูลและ/หรือสารสนเทศที่ต้องการและกรอบเวลาในการส่งข้อมูล
วิธีการประเมินของ APR.1
การประเมินผลเกิดขึ้นตลอดวงจรที่ให้การรับรองจากการส่งข้อมูลที่ต้องการ
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.1
หากองค์กรไม่สามารถส่งข้อมูลที่กำหนดให้ JCI ได้อย่างทันเวลา องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง
ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหานี้ในเวลาที่เหมาะสมหรือช่วงเวลาของการสำรวจเฉพาะเรื่องอาจส่งผลให้ปฏิเสธการรับรอง | ผลกระทบเหล่านี้เกิดจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดและไม่ใช่เนื้อหาของการส่งข้อมูลขององค์กรไปยัง JCI | ตัวอย่างเช่น ข้อมูลใน E-App ทำให้ระยะเวลาการสำรวจไม่เหมาะสมและยาวนานกว่าข้อกำหนด องค์กรต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการสำรวจที่ยาวนานขึ้น | นอกจากนี้ หากมีหลักฐานว่าองค์กรปลอมหรือตั้งใจปิดบังข้อมูลหรือลบข้อมูลที่ส่งไปยัง JCI ข้อกำหนดและผลของ APR.2 จะถูกนำมาใช้
ข้อกำหนด: APR.2
องค์กรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ต่อ JCI ผ่านทุกขั้นตอนของการรับรอง
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.2
JCI ต้องการให้แต่ละองค์กรที่กำลังขอการรับรองหรือได้รับการรับรองแล้วเข้าร่วมในกระบวนการรับรองด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์ และโปร่งใส | ชนิดของการมีส่วนร่วมในกระบวนการรับรองคือการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องระหว่างทุกขั้นตอนของกระบวนการเป็นระยะเวลา 3 ปี
องค์กรให้ข้อมูลกับ JCI ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้:
- ทางวาจา
- บุคลากรของ JCI ทำการสังเกตโดยตรง หรือสัมภาษณ์ หรือการสื่อสารในรูปแบบอื่น
- เอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารที่พิมพ์ลงกระดาษผ่านทางบุคคลที่สาม เช่น สื่อหรือรายงานของรัฐบาล
สำหรับวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดนี้ การบิดเบือนสารสนเทศเกี่ยวกับการรับรองเรียกได้ว่าเป็นการสร้างข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง สำหรับข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วนโดยผู้สมัครหรือองค์กรที่รับรองโดย JCI | การบิดเบือนอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนเนื้อหาของเอกสารโดยการเขียนใหม่ จัดรูปแบบใหม่ หรือลบเนื้อหาทิ้ง หรือส่งมอบสารสนเทศ รายงาน ข้อมูล หรือสื่ออื่นๆ
วิธีการประเมินของ APR.2
การประเมินของ APR นี้เริ่มต้นระหว่างขั้นตอนการสมัครและดำเนินไปตราบเท่าที่องค์กรได้รับการรับรองหรือกำลังขอการรับรองจาก JCI
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.2
ถ้า JCI มีเหตุผลมั่นใจว่าองค์กรส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือนต่อ JCI หรือต่อผู้ทำการสำรวจรับรองคุณภาพ องค์กรอาจจะถูกพิจารณาให้มีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง | ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างทันเวลาหรือเวลาที่ต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่องอาจส่งผลให้ถูกปฏิเสธการรับรอง
ข้อกำหนด: APR.3
หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในองค์กร องค์กรจะต้องแจ้งให้ โปรแกรมรับรองของ JCI ทราบภายใน 15 วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ก่อนหรือระหว่างการเยี่ยมสำรวจ ผ่านทาง E-App
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.3
JCI รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดขององค์กรใน E-App เพื่อให้เข้าใจความเป็นเจ้าของ ใบอนุญาต ขอบเขต และปริมาณการให้บริการผู้ป่วย และชนิดของสิ่งอำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วย และปัจจัยอื่นๆ | เมื่อปัจจัยอื่นเปลี่ยนไป JCI จะทำการพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าการเปลี่ยนแปลงอยู่ในหรือนอกขอบเขตที่วางแผนสำรวจครั้งแรกหรือขอบเขตที่ได้รับการรับรองในปัจจุบัน | ดังนั้น องค์กรจะต้องแจ้งให้ JCI ทราบก่อนการเปลี่ยนแปลงหรือภายใน 15 วันหากมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างองค์กร ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัด ดังต่อไปนี้
- การเปลี่ยนแปลงชื่อองค์กร และ/หรือ เจ้าขององค์กร
- การเพิกถอนหรือการถูกจำกัดใบอนุญาต หรือการอนุญาต ข้อจำกัด หรือปิดการดูแลผู้ป่วย การลงโทษใดๆ ของผู้ประกอบวิชาชีพหรือบุคลากรอื่น หรือการกระทำใดๆ ภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
- การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงในการใช้ อาคารในการดูแลผู้ป่วย สิ่งก่อสร้างใหม่หรือการขยายอาคารดูแลผู้ป่วย หรือการเป็นเจ้าของอาคารในสถานที่ใหม่ในชุมชน เพื่อขยายชนิดและปริมาณการให้บริการดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่าจากที่ระบุในประวัติองค์กร หรือไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับสถานที่ดูแลผู้ป่วยใน E-App หรือไม่ได้รวมอยู่ในขอบเขตของการสำรวจรับรองครั้งก่อน
- การขยายกำลังการให้บริการขององค์กร สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ขาดไป เพิ่มขึ้นใหม่ ปรับปรุง หรือขยายเพิ่ม 25% หรือมากกว่า วัดโดย ปริมาณผู้ป่วย ขอบเขตการบริการ หรือตัวชี้วัดอื่นที่เกี่ยวข้อง
- การเพิ่มหรือลดบริการด้านดูแลสุขภาพหนึ่งประเภทหรือมากกว่า เช่นการเพิ่มหน่วยฟอกไต หรือการหยุดการดูแลแผลบาดเจ็บ
- องค์กรได้ควบรวม หรือได้มาซึ่งสถานที่ บริการหรือโปรแกรมที่ยังไม่ได้รับการรับรองซึ่งมีผลบังคับใช้ตามมาตรฐาน JCI
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นสาระสำคํญ JCI อาจสำรวจองค์กรทั้งหมดหรือบางส่วนอีกครั้งหนึ่ง หรือเป็นครั้งแรกในกรณีที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการใหม่ | การรับรอง JCI ไม่ได้ขยายการรับรองโดยอัตโนมัติกับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่โดยไม่มีการประเมินผล ณ ที่ตั้งองค์กร
วิธีการประเมินของ APR.3
การประเมินของ APR นี้เริ่มต้นระหว่างขั้นตอนการสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์และดำเนินไปตราบเท่าที่โรงพยาบาลได้รับการรับรองหรือกำลังขอการรับรองจาก JCI | รายงานการเปลี่ยนแปลงอาจถูกประเมินนอกสถานที่หรือสำรวจเฉพาะเรื่อง
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.3
ถ้าองค์กรไม่แจ้งให้ JCI ทราบก่อนการเปลี่ยนแปลงหรือภายใน 15 วันหากมีการเปลี่ยนแปลง องค์กรอาจจะถูกพิจารณาให้มีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง
ข้อกำหนด: APR.4
องค์กรอนุญาตให้ประเมินผล ณ ที่ตั้งองค์กรถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายหรือการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย รายงานหรือผู้มีอำนาจในการกำกับดูแลที่สามารถอนุญาตในการตัดสินใจของ JCI
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.4
ในการได้รับการรับรอง JCI ส่งผลต่อประชาชน หน่วยงานราชการ และหน่วยจ่ายชำระเงิน และอื่นๆ ซึ่งองค์กรได้ปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายการรับรอง JCI ตลอดเวลา | ดังนั้น เป็นสิ่งสำคัญว่า JCI มีสิทธิในองค์กรทั้งหมดหรือบางส่วนที่จะยืนยันการปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายการรับรองโดยแจ้งหรือไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และ/หรือประเมินคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วยตลอดเวลาในระหว่างทุกขั้นตอนของการรับรอง | ผู้สำรวจจะส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงการแนะนำและอย่างน้อยในรูปแบบอื่นๆ ในฐานะตัวแทน JCI เมื่อไม่ได้มีการประกาศเข้าเยี่ยมสำรวจอย่างเป็นทางการ
วิธีการประเมินของ APR.4
การประเมินความต้องการนี้ทำอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ขั้นตอนของการรับรอง
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.4
JCI จะถอนการรับรององค์กรที่ปฏิเสธหรือจำกัดหน้าที่ของบุคลากรที่มีหน้าที่ดูแล JCI เมื่อทำการประเมิน ณ ที่ตั้งองค์กร
ข้อกำหนด: APR.5
องค์กรอนุญาตให้ JCI ขอ (จากองค์กรหรือหน่วยงานภายนอก) และตรวจสอบต้นฉบับหรือสำเนาที่ได้รับการรับรองถึงผลและรายงานการประเมินของหน่วยงานภายนอกที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.5
เพื่อดำเนินการสำรวจการรับรอง JCI เก็บข้อมูลการดำเนินการขององค์กรในหลายๆ ด้าน | หน่วยงานภายนอกอื่นๆ นอกเหนือจาก JCI ประเมินพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพและความปลอดภัย – เช่น การตรวจสอบความปลอดภัยจากอัคคีภัย พนักงานที่ตรวจสอบสภาพการทำงาน และการประเมินอุบัติการณ์ความปลอดภัย หรือการร้องเรียนเกี่ยวกับคุณภาพโดยหน่วยงานท้องถิ่น | การประเมินผลส่งเสริมการตรวจสอบการรับรองแต่อาจมีจุดมุ่งเน้นหรือความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป | การประเมินนี้อาจให้ข้อมูลกับ JCI ที่จำเป็นในการตัดสินใจให้การรับรอง
วิธีการประเมินของ APR.5
เมื่อมีการร้องขอ องค์กรให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ รายงาน และคำแนะนำจากหน่วยงานภายนอก ต่อ JCI เช่น ใบอนุญาต การตรวจสอบ การสอบทาน หน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยวางแผน | JCI อาจขอรายงานโดยตรงจากหน่วยงานภายนอก | รายงานนี้จะถูกขอในระหว่างขั้นตอนของการรับรอง รวมถึงระหว่างการสำรวจให้การรับรอง หรือเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความกังวลหรืออุบัติการณ์ด้านคุณภาพ
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.5
เมื่อองค์กรไม่ให้รายงานอย่างเป็นทางการเมื่อมีการร้องขอในระหว่างการสำรวจในสถานที่ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องจะระบุว่าไม่ปฏิบัติตาม และองค์กรอาจต้องได้รับการสำรวจติดตามเพื่อทำการตรวจสอบรายงานและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง | เมื่อองค์กรไม่ให้รายงานที่ร้องขอในระหว่างขั้นตอนอื่นของการรับรอง อาจต้องมีการสำรวจเฉพาะเรื่อง
ข้อกำหนด: APR.6
องค์กรอนุญาตให้บุคลากรของโปรแกรมการรับรอง JCI และสมาชิกของคณะกรรมการ JCI สังเกตการสำรวจ ณ ที่ตั้งองค์กร
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.6
บุคลากรของโปรแกรมการรับรอง JCI มีเหตุผลที่จะสังเกตผู้สำรวจใหม่ ประเมินมาตรฐานใหม่ และประเมินการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการสำรวจ ณ ที่ตั้งองค์กรและกิจกรรมอื่นๆ | คณะกรรมการของ JCI มีมติรับรองกลยุทธ์และนโยบาย ด้วยความเข้าใจที่ดีที่สุดในกระบวนการรับรองที่ได้รับ เช่น มาจากการสังเกตการณ์
วิธีการประเมินของ APR.6
การสังเกตเกิดขึ้นได้ในทุกๆ ขั้นตอนของกระบวนการพิสูจน์ที่เกี่ยวข้องกับประเภทของการสำรวจ ณ ที่ตั้งองค์กร | สำหรับการสังเกตจากบุคลากรอื่นและที่ไม่ใช่คณะกรรมการ JCI องค์กรจะได้รับการร้องขออย่างเฉพาะเจาะจงไปที่ผู้สังเกตการณ์
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.6
องค์กรจะถูกคิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดที่ขอคืนไม่ได้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธของอค์กรในการอนุญาตเข้าสังเกตการณ์โดยบุคลากรหรือคณะกรรมการของโปรแกรมการรับรอง JCI
ข้อกำหนด: APR.7
องค์กรมีส่วนร่วมในกำหนดตัววัดใน Joint Commission International Library of Measures ที่จะใช้ในระบบการพัฒนาคุณภาพของผู้ป่วยทั้งองค์กร | ผู้นำองค์กรเลือกตัวชี้วัดทางคลินิกจาก Library ที่ใช้บังคับกับประชากรและบริการของผู้ป่วย องค์กรให้คำปรึกษากับบุคลากร JCI เกี่ยวกับการได้รับการยกเว้นจากตัววัดที่กำหนดโดย APR.7
องค์กรใช้ตัววัดใน Library ปัจจุบันแฉพาะเรื่องและติดตามการเลือกตัววัด ใช้ และส่งข้อมูลตามข้อกำหนดในเว็บไซต์ของ JCI Library of Measures ซึ่งประเมินได้โดยตรงจากระบบเชื่อมต่อลูกค้า JCI โดยตรง | เว็บไซต์ของ JCI Library of Measures อธิบายข้อกำหนดในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องดังนี้:
- จำนวนกลุ่มตัววัดขั้นตำหรือตัววัดสำหรับบางเรื่องที่ต้องถูกเลือกและนำไปปฏิบัติ
- ขั้นตอนที่ได้รับยกเว้นจากข้อกำหนดใน APR.7 เมื่อ Library measures ไม่ได้ใช้บังคับกับประชากรและการให้บริการผู้ป่วยที่มี
- ขั้นตอนที่ได้เก็บรวบรวมและรวมกันสำหรับ Library measure data
- วันที่มีผลและขั้นตอนสำหรับการส่งข้อมูลจำหน่ายผู้ป่วยรายไตรมาส
- การใช้ Library measure data ในกระบวนการรับรอง
- เกณฑ์การกำหนดการใช้อย่างต่อเนื่องหรือการเปลี่ยน Library measures
- วิธีการจัดการกับคุณภาพของข้อมูล
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.7
Joint Commission International Library of Measures จัดให้มีรายละเอียดที่เป็นรูปแบบเดียวกันและถูกต้องสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นมาตรฐานเพื่อทำการเปรียบเทียบในหลายช่วงเวลาภายในองค์กรและเพื่อเปรียบเทียบระหว่างองค์กร
การรวบรวม การวิเคราะห์ และการใช้ข้อมูลเป็นหลักของกระบวนการให้การรับรอง JCI | ข้อมูลสามารถสนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในองค์กร | ข้อมูลแสดงถึงทางเดินของสารสนเทศอย่างต่อเนื่องให้กับ JCI เพื่อสนับสนุนการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องในขั้นตอนการรับรอง
วัตถุประสงค์ทั้งสองอย่างนี้จะใช้ได้ดีที่สุดเมื่อองค์กรเลือก Library measures ที่ระบุกระบวนการและผลลัพธ์สำหรับแนวทางการปรับปรุงในการส่งมอบการดูแลผุ้ป่วย | ตัววัดที่สะดวกและง่ายมักจะไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่สำคัญ และไม่ได้ตรงกับความคาดหวังของ JCI สำหรับองค์กรเพื่อแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในกระบวนการรับรอง | การเลือกและการใช้ Library measures รวมอยู่ในลำดับความสำคัญขององค์กรตามที่อธิบายในมาตรฐาน GLD.5, GLD.11, และ GLD.11.1
วิธีการประเมินของ APR.7
การเลือก การใช้ และการส่งข้อมูลสำหรับอย่างน้อยหนึ่งตัววัดเป็นจำนวนขั้นต่ำ จาก JCI Library of Measures จะถูกประเมินตลอดขั้นตอนการรับรอง ทั้งในระหว่างขั้นตอนการสำรวจ ณ ที่ตั้งองค์กร และผ่านการประเมินผลของข้อมูลที่ส่งในระหว่างขั้นตอนการรับรองอย่างต่อเนื่อง
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.7
องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง ถ้าองค์กรไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่พบในเว็บไซต์ของ JCI Library of Measures
ข้อกำหนด: APR.8
องค์กรแสดงสถานะการรับรองและโปรแกรมและการบริการที่ได้รับการรับรอง JCI อย่างถูกต้อง
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.8
เว็บไซต์ขององค์กร การโฆษณาและส่งเสริมการขาย และข้อมูลอื่นๆ ที่เผยแพร่ไปยังสาธาณชนแสดงให้เห็นถึงโปรแกรมและบริการที่ได้รับการรับรอง JCI อย่างถูกต้อง
วิธีการประเมินของ APR.8
การปฎิบัติตามข้อกำหนดจะถูกประเมินตลอดทุกขั้นตอนของการรับรองขององค์กร
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.8
ความล้มเหลวขององค์กรที่จะถอนตัวหรือแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจะทำให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง
ข้อกำหนด: APR.9
บุคลากร (ด้านคลินิกหรือด้านบริหาร) ขององค์กรสามารถรายงานความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของการดูแลผู้ป่วยต่อ JCI โดยไม่มีการตอบโต้จากองค์กร
เพื่อสนับสนุนวัฒนธรรมความปลอดภัย องค์กรต้องสื่อสารกับบุคลากรว่าอนุญาตให้รายงานดังกล่าว | นอกจากนี้ องค์กรต้องทำให้บุคลากรเข้าใจว่าไม่มีการดำเนินการทางวินัย (เช่น การลดตำแหน่ง เปลี่ยนตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงสภาวะหรือชั่วโมงการทำงาน) หรือ การดำเนินการลงโทษอย่างไม่เป็นทางการ (ตัวอย่างเช่น การทำให้ลำบากใจ สร้างความโดดเดี่ยว หรือการข่มเหง) จะถูกคุกคามหรือตอบโต้โดยรายงานความข้อกังวลไปที่ JCI
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.9
ในการจัดทำรายงานสภาพแวดล้อมที่ “ปลอดภัย” องค์กรให้ความรู้แก่พนักงานทุกคนที่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในองค์กรโดยอาจรายงานไปที่ JCI | องค์กรแจ้งไปยังบุคลากรว่าไม่มีการดำเนินการทางวินัยหรือการลงโทษเนื่องจากบุคลากรรายงานความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือคุณภาพของการดูแลไปที่ JCI
วิธีการประเมินของ APR.9
การประเมินของข้อกำหนดนี้ทำขึ้นตลอดทุกขั้นตอนของการรับรองและรวมถึง แต่ไม่จำกัด ข้อมูลจากทั้งกิจกรรม ณ ที่ตั้งองค์กร และนอกองค์กร หรือจากการสังเกตการณ์ข้อร้องเรียนที่ส่งไป JCI
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.9
รายงานที่ยืนยันว่ามีการกระทำตอบโต้กับบุคลากรที่รายงานปัญหาคุณภาพและความปลอดภัยต่อ JCI จะทำให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่อง
ข้อกำหนด: APR.10 (แก้คำผิด) (ทำให้ชัดเจน)
บริการแปลภาษาและการแปลความหมายโดยองค์กรสำหรับการสำรวจและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องใดๆ จัดทำโดยผู้ที่ได้รับใบอนุญาตและผู้เชี่ยวชาญการแปลความหมายซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับองค์กร
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.10
ความสมบูรณ์ของกระบวนการประเมินผล ณ ที่ตั้งองค์กร เช่นเดียวกับความสมบูรณ์ของผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับผู้สำรวจประเมินที่มีความเป็นกลาง มีความเข้าใจที่ถูกต้องในการสนทนากับบุคลากร และบุคลากรสื่อสารภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้สำรวจ | เพื่อให้แน่ใจว่าการแปลภาษาและการแปลความหมาย ถูกต้องและแลกเปลี่ยนอย่างเป็นกลาง จะทำโดยบุคคลที่มีใบอนุญาตแปลภาษาและแปลความหมาย โดยมีหลักฐานประสบการณ์ในการแปลหรือการตีความด้านการดูแลสุขภาพ | บุคคลที่ทำการแปลภาษาและแปลความหมายไม่ได้เป็นพนักงานปัจจุบันหรืออดีตขององค์กร และไม่มีส่วนได้เสีย เช่น สมาชิกในครอบครัวหรือพนักงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกัน | บุคลากรที่ให้บริการแปลภาษาและแปลความหมายไม่ได้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาใดๆ ในองค์กรที่เกี่ยวกับการรับรองหรือการเตรียมการรับรอง โดยอาจมีข้อยกเว้นให้ช่วยเหลือในการแปลเอกสารที่กำหนดโดย JCI เป็นภาษาอังกฤษ หรือเป็นผู้แปลภาษาหรือแปลความหมายในการสำรวจครั้งก่อน
วิธีการประเมินของ APR.10
องค์กรส่งใบอนุญาตและประวัติการทำงานของผู้แปลไม่น้อยกว่าหก (6) สัปดาห์ก่อนเริ่มการสำรวจ JCI ณ ที่ตั้งองค์กร | โปรแกรมการรับรอง JCI จะได้รับเอกสารเซ็นต์การมีส่วนได้เสียจากผู้แปลแต่ละคน | สำหรับการประเมิน ณ ที่ตั้งองค์กรประเภทอื่นๆ เช่น การสำรวจเฉพาะเรื่อง ผู้ประเมินและ/หรือบุคลากรในโปรแกรมการรับรอง JCI จะประเมินคุณสมบัติของผู้แปล
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.10
เมื่อพบว่าผู้แปลขาดคุณสมบัติเนื่องจากขาดใบประกอบวิชาชีพหรือมีส่วนได้เสียกับองค์กร การสำรวจจะหยุดลงจนกระทั่งมีการทดแทนจากเหมาะสม | องค์กรรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับความล่าช้า และการเปลี่ยนเวลาของทีมสำรวจถ้าจำเป็น
ข้อกำหนด: APR.11
องค์กรแจ้งให้ประชาชนทำหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการติดต่อกับแผนกบริหารขององค์กรและ JCI ในการรายงานความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและคุณภาพของการดูแลผู้ป่วย
วิธีการแจ้งอาจรวมถึง แต่ไม่จำกัด การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ JCI รวมถึงข้อมูลการติดต่อในเอกสารตีพิมพ์ เช่น แผ่นพับโฆษณา และ/หรือการแจ้งข้อมูลในเว็บไซต์ขององค์กร
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.11
มาตรฐาน JCI สำหรับองค์กรต้องการให้มีกลไกในการรับและตอบสนองข้อร้องเรียน ความขัดแย้ง และความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยอย่างทันเวลา | องค์กรจำเป็นต้องแจ้งประชาชนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงกระบวนการนี้
องค์กรต้องแจ้งประชาชนเกี่ยวกับวิธีรายงานความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและคุณภาพของผู้ป่วยต่อ JCI โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระบวนการขององค์กรไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาความกังวล
วิธีการประเมินของ APR.11
ผู้สำรวจจะประเมินว่าองค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดในระหว่างขั้นตอนการประเมินผล ณ ที่ตั้งองค์กร
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.11
เมื่อองค์กรไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ จำเป็นจะต้องทำ SIP (Strategic Improvement Plan)
ข้อกำหนด: APR.12
องค์กรให้การดูแลผู้ป่วยในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความเสี่ยงของการคุกคามต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย สุขภาพของประชาชน หรือความปลอดภัยของบุคลากร
คำชี้แจงเหตุผลของ APR.12
ผู้ป่วย บุคลากร และประชาชนไว้วางใจองค์กรว่าเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย | ดังนั้น องค์กรต้องรักษาความไว้วางใจกับการตรวจสอบเฝ้าระวังและกำกับดูแลการปฏิบัติด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
วิธีการประเมินของ APR.12
การประเมินผลเกิดขึ้นส่วนใหญ่ในระหว่างขั้นตอนการสำรวจ ณ ที่ตั้งองค์กร และผ่านรายงานหรือข้อร้องเรียนขององค์กรอื่นๆ และ/หรือการลงโทษโดยหน่วยงานที่มีอำนาจในระหว่างทุกขั้นตอนของการรับรอง
ผลของการไม่ปฏิบัติตาม APR.12
เมื่อค้นพบว่ามีการคุกคามเกิดขึ้น ณ ที่ตั้งองค์กรระหว่างการสำรวจเป็นการขัดขวางการสำรวจจนสามารถแก้ไข หรือจนองค์กร ทีมสำรวจ และบุคลากรในโปรแกรมการรับรอง JCI สามารถไกล่เกลี่ยปัญหา | องค์กรมีความเสี่ยงต่อการไม่รับรองและอาจต้องได้รับการสำรวจเฉพาะเรื่องจนกระทั่งปัญหาได้รับการแก้ไข